เจอแต่เรื่องร้ายๆ ตลอดเลยไม่รู้ว่าชีวิตทำไมต้องเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว หรือบางครั้งก็อาจจะตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่าตรงนี้ก็แล้วว่าว่าจะคิดกันแบบไหน แล้วสิ่งที่คิดกันตรงนี้ก็พอสรุปได้ทั้งหมดคือ “เรื่องทุกข์” ไม่ผิดแน่นอนว่าสิ่งที่เรากำลังคิดกำลังเจออยู่มีแต่เรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจทั้งนั้น จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้ต่อไปจริงหรือ ไม่คิดหาทางออกกับสิ่งที่เป็นอยู่ที่เจออยู่กันจริงๆบ้างหรือ จริงแล้วในชีวิตแล้วแต่ละวัน เจอเรื่องที่มีความสุขมากกว่าความทุกข์เสียด้วยซ้ำ แต่เรามักจะเก็บเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจมาคิด มากกว่าจะทำเรื่องที่สุขใจมาคิดความทุกข์เป็นเหมือนขั้วตรงข้ามกับความสุข ถ้าจะให้คุณผู้อ่านเป็นคนเลือกระหว่างมีความสุขกับมีความทุกข์ว่าคุณจะเลือกแบบไหน คงตอบไม่ยากว่าจะต้องเลือกมีความสุขอยู่แล้วเราเลือกที่จะมีความสุขมากกว่าการมีความทุกข์แน่นอนครับ ใครๆก็อยากมีซึ่งความสุขกันทั้งนั้น แต่อย่าได้ลืมว่าชีวิตของเรามีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อพบเจอกับความสุขเมื่อใดก็สามารถพบเจอกับความทุกข์ได้เมื่อนั้น สมมตินะครับคุณได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่คุณใฝ่ฝันไว้ คูณได้เที่ยวอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลินใจ คุณมีความสุขมากเหลือเกิน แต่ทันใดนั้นเอง ภาพทุกอย่างมันก็ค่อยๆเรือนลางและค่อยละลายหายไป นั้นแหละครับคุณได้ตื่นจากฝันเพื่อตื่นขึ้นมาเผชิญกับโลกความเป็นจริงที่คุณต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ที่รอคุณอยู่ ทุกคนล้วนแล้วแต่จะประสบกับความทุกข์มากน้อยแตกต่างกับไปครับ แต่ถ้าเรามัวจมอยู่กับความทุกข์นั้นก็จะไม่มีอะไรดีขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงอยากจะแนะนำวิธีที่เราจะรับมือกับความทุกข์ได้อย่างมีประสิทธิภาพกันครับ
เมื่อเป็นแบบนี้ก็จำเป็นที่สุดที่จะต้องหาวิธีมาแก้ไขปัญหาที่เจออยู่ มีหลายวิธีที่หลายคนนำมาใช้ แต่ส่วนใหญ่แล้วที่ใช้แล้วรู้สึกดีทำได้จริง และประสบความสำเร็จ ก็จะมีอยู่ 5 วิธีดังต่อไปนี้
วิธีที่ 1 ทุกข์ได้แต่อย่านาน
จากที่กล่าวมาข้างต้นว่า “ชีวิตคนเรานั้นย่อมมีขึ้นมีลง เมื่อมีสุข
แล้วก็ย่อมมีทุกเป็นเรื่องธรรมดา” เราไม่สามารถป้องกันไม่ให้เรามีความทุกข์ได้หรอกครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราจะต้องทุกข์ให้น้อยที่สุดหรือทุกข์ได้แต่อย่านาน ถ้าหากเราจมอยู่กับความทุกข์มากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะเครียดและอาจรุกลามเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
วิธีที่ 2 อย่าเก็บอะไรมาทุกข์
อย่าเก็บอะไรมาคิดมาก เพราะคิดมากเกินไปก็ทำให้เป็นทุกข์
ได้ ใครหลายๆคนเมื่อทำงานอย่างหนักจากที่ทำงานแล้วก็จะนำงานกลับมาทำที่บ้านด้วยแทนที่จะได้อยู่กับครอบครัวที่เรารักอย่างมีความสุขกลับต้องใช้เวลาพักผ่อนไปกับการทำงาน จึงอยากจะแนะนำให้อย่าเก็บอะไรมาคิดมากอย่าเก็บอะไรที่เป็นทุกข์ เพราะเมื่อเก็บทุกข์มาแล้วจะต้องวางให้ไวเหมือนกับวิธีที่ 1 ที่แนะนำไว้
วิธีที่ 3 พระธรรมดับทุกข์
ไม่ว่าจะพูดถึงสุขหรือทุกข์ก็คงจะหนีเรื่องพระธรรมก็คงจะไม่พ้น เพราะว่าหลักคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นสามารถประยุกต์ใช้เสมอไม่สุขหรือทุกข์ก็ตาม โดยวันนี้จะขอเสนอหนทางดับทุกข์ หรือ ที่เรียกว่า“อริยสัจ 4” แก่ผู้อ่านทุกคนให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้ ทุกข์ คือความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราทุกคน/ สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์/ นิโรธ คือ การที่เราดับทุกข์นั้นได้/ มรรค คือ แนวทางที่เราจะไปดับทุกข์
วิธีที่ 4 ไม่แบ่งปันทุกข์
ไม่นำความทุกข์ของเราไปให้คนอื่นทุกข์ด้วยแต่สามรถช่วยกันหา
หนทางแก้ไขเพื่อลดความทุกข์นั้นได้
วิธีที่ 5 นำความทุกข์ที่เคยประสบมาใช้ป้องกันความทุกข์ที่กำลังจะเกิด
นำประสบการณ์ความทุกข์ที่เคยผ่านมาแล้ว มาใช้เป็นภูมิคุ้มกันตัวเราจากทุกข์ที่ใกล้จะเกิดได้ หรือสามารถนำวิธีการรับมือกับความทุกข์ที่เคยผ่านนำมาดับซึ่งทุกข์ที่กำลังประสบอยู่ได้
ขอแถมสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ได้ เราจำเป็นต้องสะกดจิตตัวเราเองให้ได้ในทุกวัน ดูเหมือนเป็นเรื่องไม่จริงไม่ใช่แต่เราลองดูว่าถ้าเราสามารถควบคุมจิตใจให้ไม่ได้รับเรื่องร้าย ๆ ไม่สนใจกับเรื่องที่ไม่ใช่กับเราไม่เกี่ยวกับเรา เราก็จะมีความสุขได้ง่ายขึ้นแล้วก็จะปลดเรื่องทุกข์ได้ไวขึ้น อย่างเราดูข่าวสารที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ เช่น 2 ตายายจูงมือพากันไปนั่งกินข้าวนอกบ้าน ยิ้มให้กับตลอด ข่าวแบบนี้ทำให้เรามีความสุขได้อย่างไม่รู้ตัว แต่สำหรับข่าวฆ่ากันตายหรือข่าวตีกัน ไม่จำเป็นต้องฟังเพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามาจากเหตุอันใด หรือมาจากอะไร ไม่ต้องติดตามก็มีคนเล่าให้เราฟังตลอดแล้ว อย่าไปสนใจมากนักเลย เพราะยิ่งเสพก็ยิ่งเศร้า
สุดท้ายอยากจะขอให้ทุกๆคนมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ไม่ว่าอะไรจะสุข จะทุกข์ก็ขอให้ทุกความมีความสุขให้นานที่สุด ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ขอให้มีความสุข เศร้าเมื่อไหร่ฟังเพลงแอบรักแอบชอบก็ช่วยทำให้ผ่อนคลายได้ดีไม่น้อย ไม่ต้องแอบรักใครจริงๆ ให้เป็นเรื่องแต่ฟังเพลงแอบรักแล้วคิดถึงเรื่องเก่าๆ ก็ทำให้มีความสุขดีไม่น้อย
วิธีรับมือกับความทุกข์
12 มีนาคม 2020
เรื่องทั่วไป
ปิดความเห็น บน วิธีรับมือกับความทุกข์
emu
เจอแต่เรื่องร้ายๆ ตลอดเลยไม่รู้ว่าชีวิตทำไมต้องเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว หรือบางครั้งก็อาจจะตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่าตรงนี้ก็แล้วว่าว่าจะคิดกันแบบไหน แล้วสิ่งที่คิดกันตรงนี้ก็พอสรุปได้ทั้งหมดคือ “เรื่องทุกข์” ไม่ผิดแน่นอนว่าสิ่งที่เรากำลังคิดกำลังเจออยู่มีแต่เรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจทั้งนั้น จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้ต่อไปจริงหรือ ไม่คิดหาทางออกกับสิ่งที่เป็นอยู่ที่เจออยู่กันจริงๆบ้างหรือ จริงแล้วในชีวิตแล้วแต่ละวัน เจอเรื่องที่มีความสุขมากกว่าความทุกข์เสียด้วยซ้ำ แต่เรามักจะเก็บเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจมาคิด มากกว่าจะทำเรื่องที่สุขใจมาคิดความทุกข์เป็นเหมือนขั้วตรงข้ามกับความสุข ถ้าจะให้คุณผู้อ่านเป็นคนเลือกระหว่างมีความสุขกับมีความทุกข์ว่าคุณจะเลือกแบบไหน คงตอบไม่ยากว่าจะต้องเลือกมีความสุขอยู่แล้วเราเลือกที่จะมีความสุขมากกว่าการมีความทุกข์แน่นอนครับ ใครๆก็อยากมีซึ่งความสุขกันทั้งนั้น แต่อย่าได้ลืมว่าชีวิตของเรามีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อพบเจอกับความสุขเมื่อใดก็สามารถพบเจอกับความทุกข์ได้เมื่อนั้น สมมตินะครับคุณได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่คุณใฝ่ฝันไว้ คูณได้เที่ยวอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลินใจ คุณมีความสุขมากเหลือเกิน แต่ทันใดนั้นเอง ภาพทุกอย่างมันก็ค่อยๆเรือนลางและค่อยละลายหายไป นั้นแหละครับคุณได้ตื่นจากฝันเพื่อตื่นขึ้นมาเผชิญกับโลกความเป็นจริงที่คุณต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ที่รอคุณอยู่ ทุกคนล้วนแล้วแต่จะประสบกับความทุกข์มากน้อยแตกต่างกับไปครับ แต่ถ้าเรามัวจมอยู่กับความทุกข์นั้นก็จะไม่มีอะไรดีขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงอยากจะแนะนำวิธีที่เราจะรับมือกับความทุกข์ได้อย่างมีประสิทธิภาพกันครับ
เมื่อเป็นแบบนี้ก็จำเป็นที่สุดที่จะต้องหาวิธีมาแก้ไขปัญหาที่เจออยู่ มีหลายวิธีที่หลายคนนำมาใช้ แต่ส่วนใหญ่แล้วที่ใช้แล้วรู้สึกดีทำได้จริง และประสบความสำเร็จ ก็จะมีอยู่ 5 วิธีดังต่อไปนี้
วิธีที่ 1 ทุกข์ได้แต่อย่านาน
จากที่กล่าวมาข้างต้นว่า “ชีวิตคนเรานั้นย่อมมีขึ้นมีลง เมื่อมีสุข
แล้วก็ย่อมมีทุกเป็นเรื่องธรรมดา” เราไม่สามารถป้องกันไม่ให้เรามีความทุกข์ได้หรอกครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราจะต้องทุกข์ให้น้อยที่สุดหรือทุกข์ได้แต่อย่านาน ถ้าหากเราจมอยู่กับความทุกข์มากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะเครียดและอาจรุกลามเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
วิธีที่ 2 อย่าเก็บอะไรมาทุกข์
อย่าเก็บอะไรมาคิดมาก เพราะคิดมากเกินไปก็ทำให้เป็นทุกข์
ได้ ใครหลายๆคนเมื่อทำงานอย่างหนักจากที่ทำงานแล้วก็จะนำงานกลับมาทำที่บ้านด้วยแทนที่จะได้อยู่กับครอบครัวที่เรารักอย่างมีความสุขกลับต้องใช้เวลาพักผ่อนไปกับการทำงาน จึงอยากจะแนะนำให้อย่าเก็บอะไรมาคิดมากอย่าเก็บอะไรที่เป็นทุกข์ เพราะเมื่อเก็บทุกข์มาแล้วจะต้องวางให้ไวเหมือนกับวิธีที่ 1 ที่แนะนำไว้
วิธีที่ 3 พระธรรมดับทุกข์
ไม่ว่าจะพูดถึงสุขหรือทุกข์ก็คงจะหนีเรื่องพระธรรมก็คงจะไม่พ้น เพราะว่าหลักคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นสามารถประยุกต์ใช้เสมอไม่สุขหรือทุกข์ก็ตาม โดยวันนี้จะขอเสนอหนทางดับทุกข์ หรือ ที่เรียกว่า“อริยสัจ 4” แก่ผู้อ่านทุกคนให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้ ทุกข์ คือความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราทุกคน/ สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์/ นิโรธ คือ การที่เราดับทุกข์นั้นได้/ มรรค คือ แนวทางที่เราจะไปดับทุกข์
วิธีที่ 4 ไม่แบ่งปันทุกข์
ไม่นำความทุกข์ของเราไปให้คนอื่นทุกข์ด้วยแต่สามรถช่วยกันหา
หนทางแก้ไขเพื่อลดความทุกข์นั้นได้
วิธีที่ 5 นำความทุกข์ที่เคยประสบมาใช้ป้องกันความทุกข์ที่กำลังจะเกิด
นำประสบการณ์ความทุกข์ที่เคยผ่านมาแล้ว มาใช้เป็นภูมิคุ้มกันตัวเราจากทุกข์ที่ใกล้จะเกิดได้ หรือสามารถนำวิธีการรับมือกับความทุกข์ที่เคยผ่านนำมาดับซึ่งทุกข์ที่กำลังประสบอยู่ได้
ขอแถมสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ได้ เราจำเป็นต้องสะกดจิตตัวเราเองให้ได้ในทุกวัน ดูเหมือนเป็นเรื่องไม่จริงไม่ใช่แต่เราลองดูว่าถ้าเราสามารถควบคุมจิตใจให้ไม่ได้รับเรื่องร้าย ๆ ไม่สนใจกับเรื่องที่ไม่ใช่กับเราไม่เกี่ยวกับเรา เราก็จะมีความสุขได้ง่ายขึ้นแล้วก็จะปลดเรื่องทุกข์ได้ไวขึ้น อย่างเราดูข่าวสารที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ เช่น 2 ตายายจูงมือพากันไปนั่งกินข้าวนอกบ้าน ยิ้มให้กับตลอด ข่าวแบบนี้ทำให้เรามีความสุขได้อย่างไม่รู้ตัว แต่สำหรับข่าวฆ่ากันตายหรือข่าวตีกัน ไม่จำเป็นต้องฟังเพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามาจากเหตุอันใด หรือมาจากอะไร ไม่ต้องติดตามก็มีคนเล่าให้เราฟังตลอดแล้ว อย่าไปสนใจมากนักเลย เพราะยิ่งเสพก็ยิ่งเศร้า
สุดท้ายอยากจะขอให้ทุกๆคนมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ไม่ว่าอะไรจะสุข จะทุกข์ก็ขอให้ทุกความมีความสุขให้นานที่สุด ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ขอให้มีความสุข เศร้าเมื่อไหร่ฟังเพลงแอบรักแอบชอบก็ช่วยทำให้ผ่อนคลายได้ดีไม่น้อย ไม่ต้องแอบรักใครจริงๆ ให้เป็นเรื่องแต่ฟังเพลงแอบรักแล้วคิดถึงเรื่องเก่าๆ ก็ทำให้มีความสุขดีไม่น้อย